สิ่งที่พุทธภูมิต้องเรียนรู้ท่องเวียนไปในภพ เพื่อเป็นบรมครูแห่งที่สุดในไตรภูมิ เป็นการเผยแพร่ธรรมที่เป็นพื้นฐานปฐมภูมิ ของผู้มีกระแสธรรมภูมิต่ำ หรือเริ่มต้น เป็นการปูพื้นฐานในความเชื่อ ศรัทธา เพื่อความที่จะตั้งมั่น ยกระดับธรรมให้ภูมิบารมีสูงขึ้นไป เป็นลำดับขั้นตอน เราลองถามใจตนเองก่อนว่าธรรมที่ท่านทั้งหลาย ที่ท่านได้ผ่านการเรียนรู้ ศึกษามานั้น ท่านเริ่มสนใจไต่ต้าวมาจากหัวข้อธรรมแบบใด ความเป็นพุทธภูมิย่อมมองเห็นหัวข้อธรรมที่มีประโยชน์ แม้เราอาจมองว่าสิ่งนั้นมันไม่ใช่แนวทางอย่างแท้จริงสูงสุด ถูกต้อง100% มันอาจจะเป็นกุศลบายหลอกเด็กที่ไม่อยู่ในโอวาส ให้เห็นผลสิ่งที่ทำไห้เด็กอยู่ในความปกติ เราเติบโตขึ้นมาแล้วเราอาจจะไม่ได้มองว่า กล้วยบดกับข้าวไม่จำเป็นต่อเราแล้ว ก็จงมองเสียว่า เราไม่กินเอง แต่เราจะเอาไปไห้เด็กเพื่อให้เขาเจริญเติบโตขึ้นมาได้โดยการอาศัยความเชื่อที่มีต่อๆกันมา เพราะมันก็ทำให้เด็กเติบโตขึ้นมาได้ไม่รู้กี่ยุค สมัย เมื่อเราคิดว่าเราทำให้เขาเติบโตมาได้ เราก็สามารถให้เขาโตมาพร้อมกับความถูกต้องที่สุดได้ มันอยู่ที่เราจะทำ หรือ เขาจะรับมันหรือไม่ <iframe src="https://www.youtube.com/embed/ylaZvvO3gag" allowfullscreen="" frameborder="0" height="480" width="853"></iframe> ผมเห็นว่ามีประโยชน์น่ะครับ เอาไปแจกลูก หลาน เพื่อน พ่อ แม่ พี่ น้อง ฯ ให้เขาเหล่านั้นได้มีความเชื่อ ศรัทธา ในธรรมพื้นฐาน ก็ดีน่ะครับ เป็นการปลูกฝังธรรม อย่างน้อยก็ยังมีความที่ได้ผ่านหู ตา ที่น่าจดจำ ดีกว่่าจะไปยัดความเป็นวิมุติเลยตั้งแต่เริ่มต้น แม้จะเป็นแค่วรรณคดีแต่ก็มีกลิ่นไอ พื้นฐาน ความมีอยูจริงในไตรปิฏกบ้าง https://www.youtube.com/watch?v=yla...mkZVPoXAUc-10nUeaohx_E6eZF9EM0zqOJW9PCmls-LzQ
ขอบคุณครับที่เปิดประเด็น เมื่อเราเลือกจะเป็นผู้นำ หรือผู้ชี้ทาง เราก็ต้อง เสียสละครับ เป็นผู้เบิกทาง เป็นผู้ชี้ทาง เป็นคนทำแผนที่ แม้หลงไปบ้าง เราก็จะสามารถกำหนดจุดได้ว่า ส่วนไหนของป่าที่อันตราย และไม่อันตราย
ครับสิ่งนี้แหละครับคือความเห็นต่าง บางคนมองว่าผลไม้ที่นำมานั้น มันคืออมตะธรรม บางคนต่างมุมมองเรารู้ว่าผลไม้ที่ดีที่สุด รส หอม หวานอร่อย อยู่ที่ใด และพาไปดู ชิม กินได้ แต่จะไม่เอามันออกมาจากป่า ผู้เบิกทาง ทำทางจะแนะนำสิ่งที่น่าดู น่าชื่นชม น่ารื่นรมย์ น่าเบิกบาน ให้ผู้เดินทางตาม ได้พบแต่สิ่งดีๆ ไม่หลงทาง ไม่เจออุปสรรค ผู้ไม่มีกำลัง อย่างยิ่งยวด จะรับรู้ได้ว่าการหลงทาง หาทางออกจากป่าไม่ได้นั้น มัน ทรมาน หดหู่ มันวังเวง มันน่ากลัว มันอันตราย สำหรับผู้เบิกทางแล้ว นั่นคือความเพียร ตบะ บารมีอย่างยิ่งยวด
การท่องไปในป่าใหญ่(ไตรภพ) ของโพธิสัตว์ มันท้าทายความสามาถของตน.. คุณโซ ชาตินี้ของคุณเป็นอย่างไรบ้างครับ? .......
คงเหมือนกันครับ เราสนุกกับการหลง หลงมันคือความเพลิดเพลิน หลงเป็นการเข้าถึงปัญหาอย่างลึกซึ้ง เราต้องเรียนรู้ได้มากกว่าคนอื่น ทำไห้เราเข้าใจในที่มืด และที่แจ้ง ยอมเสียเวลาเพื่อเรียนรู้ ในความไม่ดี สิ่งที่เป็นอกุศล เข้าถึงเพื่อเรียนรู้ ว่าสิ่งอกุศลที่สัตว์บุคคล ลุ่มหลงอยู่นั้น เขาต้องการอะไร ทำไห้เรารู้ว่าเราจะต้องหนี หรือเผชิญ ได้เรียนรู้ผลของมัน อย่างแจ่มแจ้ง อย่างน้อยสิ่งที่เห็น การที่เราจะสร้าง ความเชื่อ ความศรัทธา ได้นั้น เราต้องก้าวขาเข้าไปในอกุศล และออกมาสร้างกุศล เพื่อเป็นต้นแแบ หรือแบบอย่าง แสดงศักยภาพในตัวตนของเราที่จะเป็น ตอนนี้ผมมองว่าจะทำ อย่างไรให้ธรรมเหล่านี้ในพุทธศาสนา หยั่งลงไปในใจของคนได้ ไห้เห็นคุณค่า ที่ควรกระทำ ปฏิบัติ ไห้เห็นเป็นรูปธรรม ไม่ใช่เรียน และรับรู้ได้เพียงนามธรรม ถ้าทาน มารเดินดิน มีความคิดเห็นที่ดีมานำเสนอบ้างน่ะครับ ว่าธรรมข้อใดที่ เป็นของง่าย ในยุคสมัยนี้ ที่จำนำเอาธรรมเหล่านี้ ไปฝังรากไห้ลึกลงไป ไห้ผู้คน หันมาสนใจธรรมกันอย่างแท้จริง นั่นมันอีกงานนึงน่ะครับ ที่เราต้องทำ เราจะบำเพ็ญและก็ทำงานไปด้วย ถ้าท่านมีไอเดีย เรามาแลกเปลี่ยนกันได้ครับ
เท่าที่ผมรู้มา เขาก็แบ่งงานกันแล้วในหมู่โพธิสัตว์ ก่อนลงมาเกิด ใครรับงานส่วนไหนบ้าง ดูอย่างเวปนี้เป็นต้น นี้ก็ส่วนหนึ่งของาน สืบศาสนาห้าพันปี เจ้าของเวป และ ทีมงานเขา ฟันฝ่าอุปสรรค์ จนได้เวปนี้มา... ส่วนด้านงานสร้างวัด สถานที่ ที่โพธิสัตว์รับงานมา ก็สามารถทำสำเร็จกันทั้งนั้น... แต่งานที่ไม่ได้ผล คือ งานนำแก่นธรรมมาเผยแพร่ โพธิสัตว์กลุ่มนี้รับงานมาแล้ว พอเจออุปสรรค์ ก็ทิ้งาน ดูเอาจากโพธิสัตว์ที่เข้ามาเกี่ยวในเวปนี้เป็นตัวอย่าง ไม่ยอมทำหน้าที่ พอโดนด่า ก็หลบ กลัวอกุศล ฯลฯ เวปนี้เป็นจุดนัดพบ พวกทีอธิฐานรับงานมา ตอนแรกจะพบว่า คนจำนวนมากหลั่งใหลมา เป็นหลักหมื่น มีทั้งชม ทั้งด่า ทั้งตำหนิ มีสารพัด พวกมุดดิน(กวนเวป)ก็มี เมื่อไม่ยอมทำหน้าที่ เวปก็ล้าง ดูห้องนี้เป็นตัวอย่าง... ส่วนงานที่ผมรับผิดชอบ งานซ่อมเรือ... ไม่มีหน้าที่สอน เป็นของโพธิสัตว์ทีมอื่นๆ .....
ดีมากเลยครับ งานซ่อมเรือ คืองานที่เห็นความผิดพลาด ของผู้สร้างเรือ เป็นปฐมพื้นฐาน เป็นรากฐาน ขององค์ความรู้ เห็นช่องโหว่ เห็นความ เสียหาย เป็นการเก็บความรู้ สะสมความรู้ ค่อยๆสั่งสมปัญญา สิ่งนี้แหละครับ ชมชอบมาก ซึ่งผมก็เป็นอย่างนี้อยู่ตอนนี้ เพื่อก้าวเข้าไปเป็นเจ้าของเรือ อย่างแท้จริง ซึ่งตัวอย่างมีไห้เราได้เห็นแล้วว่า ที่ผ่านมา ผู้ขับเคลื่อนเรือนั้น ได้แสดงเจตนารมณ์ และกระทำไห้เราเห็นแล้วว่า ควรเดินเรือ ไปในทิศทางใด เเละก็ทำไห้เราเห็นความผิดพลาด เห็นช่องโหว่ เห็นรอยรั่ว เห็นรอยร้าว และเราจะนำมันไปพัฒนาเพื่อไม่ไห้เกิดข้อผิดพลาดนั้น