ปัญหา พระเจ้าจักพรรดิและพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงอาศัยอะไร ในการปฏิบัติภาระหน้าที่ของพระองค์ ? พุทธดำรัสตอบ “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระเจ้าจักพรรดิผู้ทรงธรรมเป็นธรรมราชา ทรงอาศัยธรรมนั่นเอง สักการะธรรม เคารพธรรม ยำเกรงธรรม มีธรรมเป็นธง มีธรรมเป็นตรา มีธรรมเป็นใหญ่ ทรงจัดการรักษาป้องกัน คุ้มครอง กษัตริย์ผู้ตามเสด็จ กองทัพพราหมณ์ และคฤหบดีชาวนิคมและชาวชนบท สมณะและพราหมณ์ เนื้อและนก ด้วยธรรม ย่อมทรงหมุนจักรให้เป็นไปด้วยธรรมเท่านั้น จักรที่มนุษย์ ข้าศึก หรือสัตว์ใด ๆ จะหมุนไปไม่ได้ฉันใด “ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้าก็ฉันนั้นเหมือนกัน ทรงธรรมเป็นธรรมราชา ทรงอาศัยพระธรรม สักการะพระธรรม เคารพพระธรรม ยำแรงพระธรรม มีพระธรรมเป็นธง มีพระธรรมเป็นตรามีพระธรรมเป็นใหญ่ ทรงจัดการรักษา คุ้มครอง ป้องกัน อันประกอบด้วยธรรม ไว้ในกายกรรม วจีกรรม มโนกรรมแล้ว ทรงหมุนจักรคือพระธรรมให้เป็นไปโดยธรรมจักรนั้น สมณะหรือพราหมณ์ เทวดา มาร พรหม หรือใคร ๆ ในโลกให้หมุนไปไม่ได้....” คัดลอกมาจาก จักกวัตติสูตร ติก. อํ. (๔๕๓) ตบ. ๒๐ : ๑๓๘-๑๓๙ ตท. ๒๐ : ๑๒๕-๑๒๖ ตอ. G.S. ๑ : ๙๔-๙๕
ขออนุญาตถามนะครับว่า พระเจ้าจักพรรดิและพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ท่านสามารถบังเกิดขึ้นพร้อมกันได้หรือไม่ครับ หากได้ เพราะอะไรครับ หากไม่ได้ ก็เพราะอะไรครับ
ผมว่านะ เราพยายามดูจิตใจเรา หาทางขจัดความคิดที่ไม่ดี หาทางปฏิบัติตัวให้ดี ปัจจุบัน เอาปัจจุบันดีกว่า อย่าไปคิดถึงเรื่องที่มันไกลตัวเราเลย จิตเรา ดูจิตเรา หาทางให้จิตใจเรา มีศีลบริสุทธิ์ กรรมบท 10 กฏแห่งกรรม ผมถือปฏิบัติ แต่ยังไม่ดีพอ ตอนนี้เกิดเป็นมนุษย์ทั้งที อย่าให้เสียชาติเกิด เกิดมาอยู่ในพระพุทธศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน ก็น้อมรับคำสั่งสอน มาปฏิบัติดีกว่า ระลึกถึงพระพุทธเจ้า พระธรรม คำสั่งสอน พระสงฆ์ผู้ปฏิบัติดี อยากให้เว็บนี้ เป็นเว็บในการแนะนำ แนะแนว ปรึกษา ปัญหาธรรมะ การปฏิบัติ การเล่าประสบการณ์ที่เจอ ทั้งทางโลก และวิญญาณ ดีกว่า เอาเรื่องไกลตัว มาคิดให้ปวดหัวกัน
ขอเพิ่มเติมให้คุณสุริยทรงศีลและคุณ kong_sorakrit นะครับ จากอรรถกถา พหุธาตุกสูตร เหตุที่พระพุทธเจ้าท่านไม่อุบัติทีเดียวพร้อมกัน 2 พระองค์นั้นมีดังนี้ 1.เป็นเรื่องไม่น่าอัศจรรย์ (เนื่องจากพระพุทธเจ้าทรงเป็นอัจฉริยมนุษย์ ถ้ามี 2 ก็ไม่ใช่สิ่งอัศจจรย์) 2.พระธรรมเทศนาก็ไม่ใช่สิ่งที่แปลกใหม่ และไม่ได้ได้แตกต่างกัน 3.ป้องกันการทะเลาะวิวาทกันของพุทธบริษัทของพระพุทธเจ้าทั้ง 2 4.โดยปกติพระพุทธเจ้าขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ประเสริฐสุดในโลก หากอุบัติพร้อมกัน คำกล่าวนี้ก็จะใช้ไม่ได้ 5.สิ่งที่ยิงใหญ่ที่สุดโดยปกติจะมีอยู่อย่างเดียว เฉกเช่น ทะเล แม่น้ำ ภูเขา 6.และที่สำคัญ ก็เนื่องมาจากพระพุทธเจ้าเป็นผู้ที่มีคุณมาก และหมื่นโลกธาตุสามารถรับพระคุณของพระพุทธเจ้าได้เพียงองค์เดียว หากอุบัติมาพร้อมกันหมื่นโลกธาตุก็จักต้องพินาทเพราะไม่อาจทรงคุณของพระพุทธเจ้าเอาไว้ได้ และในทำนองเดียวกันพระเจ้าจักรพรรดิ์ก็จะไม่อุบัติขึ้นพร้อมกัน 2 องค์ เนื่องจาก 1.ป้องกันการวิวาทของบริวารของพระเจ้าจักรพรรดิ์ทั้ง 2 2.เป็นสิ่งที่ไม่ใช่เรื่องอัศจรรย์ 3.จักรรัตนะมีอานุภาพมาก (จักรรัตนะ = 1 ใน 7 รัตนะที่พระเจ้าจักรพรรดิ์ต้องมี) (อันนี้เป็นความเห็นของผมเอง) ฉะนั้นการที่พระเจ้าจักรพรรดิ์และพระพุทธเจ้าจะอุบัติพร้อมกันก็ไม่น่าเป็นไปไม่ได้ แต่ว่าหากพระเจ้าจักพรรดิ์จะสละราชสมบัติแล้วออกผนวชแล้วตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า ก็อาจเป็นได้ เนื่องจากการสละราชสมบัติก็เปรียบเหมือนการสิ้นสุดของพระเจ้าจักรพรรดิ์
ผมก็เห็นด้วยกับคุณโตโต้นะครับที่ว่าพระพุทธเจ้าท่านไม่อาจบังเกิดขึ้นพร้อมพระเจ้าจักรพรรดิ์ได้ เหตุผลสนับสนุน ผมเห็นเพียงจากการทำนายลักษณะของเจ้าชายสิทธัตทะ ที่มีพรามหมณ์ 8 คนมาทำนายว่าหากครองราชจะได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ์ หากออกบวชจะเป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า แต่ท่านอัญญาโกฑัญญะยืนยันคำทำนายเดียว คือ ออกบวชแน่นอน ที่นี้เท่าที่ศึกษาศึกษาพุทธประเพณีจากหนังสือพุทธวงศ์ก็ไม่เห็นว่ากรณีนี้ จะเป็นพุทธประเพณี จริงๆผมอยากให้ท่านผู้ประเสริฐอุบัติขึ้นพร้อมกันเพราะ พระเจ้าจักรพรรดิ์ ปกครองโดยธรรม พระพุทธเจ้าเป็นธรรมราชา หากได้พระเจ้าจักรพรรดิ์มาเป็นอุบาสกก็จะช่วยให้ศาสนาเจริญรุ่งเรืองมากๆแน่นอนครับ เช่น พระพุทธเจ้าสมณะโคดมเรามีพระเจ้าพิมพิสาร(สร้างวัดแห่งแรก),เจ้าชายอชาตศรัตรู(สังคยนาพระไตรปิฎกครั้งแรก)และพระเจ้าอโศกมหาราช(เผยแพร่ศาสนาให้กว้างไกลไปทั่วโลกครั้งแรก) ดังนั้นจะเห็นว่าหากศาสนาของพระพุทธเจ้าองค์ใดได้พระเจ้าแผ่นดีมีสัมมาทิฐิหรือมีพระเจ้าจักรพรรดิ์มาช่วยในการประกาศศาสนาย่อมเป็นไปได้ง่าย กว้างไกล เจริญรุ่งเรื่อง และยิ่งใหญ่ไพศาล เปรียบเหมือนมีพระพุทธเจ้ามาอุบัติขึ้นสองพระองค์ในคราวเดียว ดังในประวัติพระพุทธเจ้าพระองค์หนึ่ง ที่อุบัติขึ้นแล้วบนโลกมีเพียงศาสนาพุทธ ศาสนาเดียวไม่มีนักบวชนอกศาสนาทำให้ศาสนาของพระองค์เจริญมากเหมือนมีดวงอาทิตย์สองดวงส่องแสงธรรมทำลายความมืดซึ่งคือกิเลสในใจของมนุษย์ให้มลายไป และผมเอาประวัติของพระเจ้าพิมพิสารมาให้ศึกษาดูกันนะครับ
พระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าพิมพิสาร เป็นกษัตริย์ครองเมืองราชคฤห์แคว้นมคธ สืบต่อจากพระราชบิดา เมื่อเจ้าชายสิทธัตถะออกผนวชแล้วได้เสด็จไปประทับอยู่ที่ปัณฑวบรรพต แคว้นมคธ เมื่อพระเจ้าพิมพิสารได้ข่าวจึงเสด็จไปนมัสการ และชักชวนให้สละเพศบรรพชิตมาครองราชย์ด้วยกัน เมื่อได้รับคำปฏิเสธจึงขอคำปฏิญญาว่าหากทรงค้นพบสิ่งที่แสวงหาเมื่อใด ขอให้มาสอนพระองค์เป็นคนแรก ด้วยเหตุนี้ พระพุทธเจ้าเมื่อโปรดปัญจวัคคีย์โปรดพระยสะและสหายมีพระอรหันต์ จำนวน ๖๐ องค์ ทรงส่งไปประกาศพระศาสนายังแคว้นต่าง ๆ แล้วพระองค์จึงเสด็จมุ่งตรงไปยังเมืองราชคฤห์ แคว้นมคธ เพื่อเปลื้องคำปฏิญญาที่ประทานให้กับพระเจ้าพิมพิสารนั้นเอง พระพุทธองค์ทรงพิจารณาเห็นว่า พระเจ้าพิมพิสารเป็นผู้นำแคว้นใหญ่ ถ้าพระเจ้าพิมพิสารทรงเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาแล้ว ประชาชนคนอื่น ๆ ก็จะดำเนินรอยตาม ทรงดำริเช่นนี้จึงเสด็จไปยังเมืองราชคฤห์ สมัยนั้นพระเจ้าพิมพิสารและชาวเมืองทรงเคารพนับถือชฏิลสามพี่น้องอยู่ พระองค์จึงต้องไปโปรดสามพี่น้องก่อน เมื่อพระพุทธองค์ทรงแสดงธรรมโปรดชฎิลสามพี่น้องสละลัทธิความเชื่อดังเดิมนั้นมาเป็นสาวกของพระองค์หมดแล้ว ก็พาสาวกใหม่จำนวนพันรูปไปพักยังสวนตาลหนุ่มใกล้เมืองราชคฤห์ เมื่อพระเจ้าพิมพิสารได้สดับข่าวนี้ จึงเสด็จพร้อมประชาชนจำนวนมากไปยังสวนตาลหนุ่ม ได้เห็นอาจารย์ของตนนั่งคุกเข่าคองอัญชลีต่อพระพุทธเจ้าประกาศเหตุผลที่สละลัทธิความเชื่อถือเดิมหันมานับถือพระพุทธศาสนา ก็หายสงสัย ฟังธรรมของพระพุทธเจ้าแล้วนับถือพระรัตนตรัย และถวายภัตตาหารแด่พระพุทธเจ้า พร้อมภิกษุสงฆ์ที่พระราชวังในวันรุ่งขึ้น หลังจากนั้นไม่กี่วันก็ถวายสวนไผ่นอกเมืองให้เป็นวัดแห่งแรกในพระพุทธศาสนา เรียกว่า วัดเวฬุวัน เวฬุวันนี้เรียกอีกอย่างหนึ่งว่า กัลปทนิวาปสถาน คือสถานที่ให้เหยื่อแก่กระแต พระเจ้าพิมพิสารเป็นคนแรกที่ทำพิธีกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย เรื่องมีอยู่ว่า หลังจากถวายวัดเวฬุวันแล้วคืนนั้น พระเจ้าพิมพิสารทรงฝันร้าย เห็นพวกเปรตมาร่ำร้องอยู่ต่อหน้าน่าเกลียดน่ากลัวมาก รุ่งเช้าขึ้นมาพระองค์เสด็จไปเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้า เมื่อทรงทราบว่าเปรตเหล่านั้นเคยเป็นพระญาติของพระองค์มาขอส่วนบุญ และได้รับคำแนะนำให้กรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลให้พวกเขา วันต่อมาพระเจ้าพิมพิสารจึงได้นิมนต์พระพุทธเจ้าพร้อมภิกษุสงฆ์ไปเสวยภัตตาหารในพระราชวัง แล้วกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลแก่พวกเปรตเหล่านั้น ตกดึกคืนนั้นพวกเปรตมาปรากกฏโฉมอีก แต่คราวนี้หน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสขอบคุณที่แบ่งส่วนบุณให้แล้วก็อันตรธานหายวับไป เมื่อหันมานับถือพระพุทธศาสนาแล้ว พระเจ้าพิมพิสารทรงนำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างเข้มแข็ง จนแว่นแคว้นของพระองค์มีชื่อเสียงขจรขจายไปทั่วว่าเป็นดินแดนแห่งพระธรรม พระเจ้าพิมพิสารเป็นพระโสดาบัน มีพระอัครมเหสีพระนามว่า โกศลเทวี หรือ เวเทหิ เป็นพระกนิษฐาของพระเจ้าปเสนทิโกศล พระเจ้าปเสนทิโกศลก็ได้พระกนิษฐาของพระเจ้าพิมพิสารเป็นพระมเหสีเช่นกัน พระเจ้าพิมพิสารมีพระโอรสนามว่า อชาตศัตรู (ผู้เกิดมาไม่เป็นศัตรู) ในช่วยตั้งครรภ์พระนางเวเทหิทรงแพ้พระครรภ์ใคร่เสวยพระโลหิตของพระสวามี โหราจารย์ทำนายว่าพระโอรสองค์นี้จะทำปิตุฆาต แต่พระเจ้าพิมพิสารก็มิทรงแยแสต่อคำทำนาย เมื่อพระโอรสประสูติแล้ว ทรงให้การศึกษาอบรมเป็นอย่างดี เจ้าชายน้อยก็อยู่ในพระโอวาทเป็นอย่างดี แต่พอเจ้าชายน้อยได้รู้จักพระเทวทัต ถูกพระเทวทัตล้างสมองให้เห็นผิดเป็นชอบ จนจับพระเจ้าพิมพิสารขังคุกให้อดพระกระยาหารจนสิ้นพระชนม์ พระเจ้าพิมพิสารได้เสด็จเดินจงกรมยังชีพอยู่ในคุกได้ด้วยพุทธานุสสติคือ มองลอดช่องหน้าต่างทอดพระเนตรดูพระพุทธเจ้าเสด็จขึ้นลงเขาคิชฌกูฏพร้อมภิกษุสงฆ์ทุกวัน เมื่อรู้ว่าเสด็จพ่อยังเดินอยู่ได้ กษัตริย์อกตัญญูก็สั่งให้เอามีดโกนเฉือนพระบาทเอาเกลือทา ย่างด้วยถ่านไฟร้อน พระเจ้าพิมพิสารทนทุกขเวทนาไม่ไหวก็สิ้นพระชนม์ ณ ที่คุมขังนั้นแล พระเจ้าพิมพิสารเป็นกษัตริย์ผู้ทรงธรรมทรงอุปถัมภ์พระพุทธศาสนาเป็นอย่างดี ทำให้พระพุทธศาสนาหยั่งรากลงในแคว้นมคธและเจริญแพร่หลายชั่วระยะเวลาอันรวดเร็ว ชาวพุทธจึงควรระลึกถึงพระคุณของพระองค์ในข้อนี้
ในตำราพระไตรปิฏก มีบอกไว้ จะปรากฏในศาสนาของพระศรีอริยเมตไตร มีพระเจ้าสังขจักรพรรดิ์ เป็นผู้ปกครอง และมีพระพุทธเจ้าอุบัติขึ้น... ตำราว่าไว้ครับ...