11.สีขาว เป็นแสงที่มีความสมดุล และสมบูรณ์แบบมากที่สุด จะปรากฏกับพวกนักบุญ_ พระหรือผู้ฝึกสมาธิวิปัสสนาสม่ำเสมอ ถ้าปรากฏเป็นเส้นแสงสีขาวผ่านเข้ามาในแสงอาจหมายถึงว่า กายแสงได้รับการชำระและฟอกให้บริสุทธิ์
10.สีดำ หมายถึง การสิ้นสุด ซึ่งในที่นี้อาจหมายถึง การสิ้นสุดของสถานการณ์หนึ่งเพื่อเปิดโอกาสให้สถานการณ์ใหม่เข้ามา อาจหมายถึงการเกิดใหม่ หรือความล่าช้าก็ได้ บางครั้งอาจหมายถึง โรคร้ายแรงหรือเรื้อรัง
9. สีน้ำตาล เป็นสีที่แสดงถึงความคิดแคบ ๆ ไม่ยอมรับฟัง ความคิดเห็นของผู้อื่น เห็นแก่ตัว ชอบคุยแต่เรื่องของตัวเอง
8.สีม่วง เป็นพวกจิตใจละเอียดอ่อน เป็นตัวของตัวเอง มีสัมผัสพิเศษที่ 6 ช่องทางสมาธิและโน้มเอียงไปในทางศาสนาชอบเรื่องลี้ลับ คนส่วนใหญ่มักจะไม่ค่อยมีสีนี้ ผู้ที่มีสีนี้มักจะเป็นผู้ที่มีพลังจิตสูง
7.สีคราม เป็นสีของพลังจิต สัมผัสที่ 6 โทรจิต ความฉลาดล้ำลึก ความคิดสร้างสรรค์และความเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ มีความจริงใจ ชอบค้นหาสัจจะความจริงของชีวิต
6.สีน้ำเงิน เป็นสีของความสงบและสัจจะ เป็นสีของการสื่อสาร พลังจิต ความฉลาด ความมีอุดมคติ ขยันขันแข็งและ ความสำเร็จ สามารถยืนหยัดอยู่บนของของตัวเอง มีความเชื่อมมั่นในตนเอง ซื่อตรง จริงใจและชอบช่วยเหลือผู้อื่น มักจะเป็นพวกสมถะ
5.สีเขียว เป็นสีของจิตใจที่ละเอียดอ่อน มีความเข้าใจผู้อื่น นอกจากนั้นยังเป็นสีของความรักการเปลี่ยนแปลงการรักษาโรค ความสามารถในการใช้มือ และยังเป็นสีที่แสดงถึงความสมดุล ถ้าเป็นสีเขียวสดใสแสดงว่าเป็นคนปรับตัวเก่ง ใจดี ชอบอิสระ
2.สีแดง เป็นสีที่แสดงถึงความทะเยอทะยาน เต็มไปด้วยพลังงาน มีความกระฉับกระเฉงและพลังทางเพศถ้าเป็นสีแดงมืดอาจหมายถึง อารมณ์ที่รุนแรงถ้าเป็นสีแดงสดใน หมายถึง ความภาคภูมิใจและทะเยอทะยานในทางที่ถูกที่ควร ถ้าสีแดงขุ่นเป็นพวกใจคอโหดร้าย
สีของความคิดและอารมณ์ จะมีลักษณะเป็นหมอก มีความไหลปรากฏเป็นหย่อม ๆ จะเห็นได้ชัดเจนบริเวณรอบศีรษะเหนือบ่า มีสีสันต่าง ๆ เช่น 1.สีชมพู หมายถึงพลังที่แจ่มใส เต็มไปด้วยความรัก อารมณ์ขัน ถ่อมตน และสามารถปลอบ ประโลมผู้อื่น โรมแมนติค มักจะพบในเด็กและผู้ที่จิตใจดีมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ ข้อเสียของคนทีมีแสงสีนี้คือมักจะใจคอโลเล
ส่วนที่เห็นในรูปอัลบั้มแสงออร่านั้นถ่ายที่เมืองไทยหลายปีก่อนพึ่งลงจากเครื่องบินมาใหม่ฯ และเป็นภาพปรกติที่ไม่ใด้อยู่ในอารมฌ์ของฌาน เพียงหลับตาสำรวมจิตในเวลาถ่ายครับ
ใช่ครับพลังแสงแห่งอภิญญาณาน ๓๕ และ ๓๖ ครับ หรือจะเข้าไปดูได้ที่ you tube และ กดพิมพ์ตามข้างล่างครับ advertise optical power of meditation
สิ่งที่วิญญาณกลัวนั้นคือแสงและรัศมีแห่งบารมีธรรมหรือฌานบารมี ไม่กล้าเข้าใกล้ และจะหนีไปไกลมาก แสงพลังที่เคยโพสต์ให้ดูครับ
วิญญาณสามารถไปใด้ทุกหนทุกแห่งเปรียบเหมือนคนพาลส่วนองค์เทพเปรียบเหมือนคนดี เขาจะไม่ค่อยอยากยุ่งกับวิญญาณสักเท่าไร ครับ ส่วนวิญญาณนั้นไม่เคยกลัวพระพุทธรูป ยิ่งถ้าเป็นวิญญาณที่พอมีฤทธิ์บ้างยิ่งไม่กลัวใหญ่