นิโรธสมาบัติช่วยดับทุกขเวทนา ความจริง นิโรธสมาบัติ อย่างฉันก็เข้าของฉันอยู่เรื่อย ๆ ถ้าวันไหนฉันไม่สบายมากฉันก็เอาแล้ว เพราะอะไร เพราะ นิโรธะ มันแปลว่า ดับ ดับทุกขเวทนาใช่ไหม นี่นักเลงหนี ถ้าอารมณ์อ่อน พอป่วยปั๊บท่าไม่ดีเข้า ก็หนีไปนอนบ้านเลย ต่อมามันมีความเข้มพอ เข้มพอมันไม่หนีมันสู้ ถ้าเวทนามามากเท่าไหร่ มันสู้มากเท่านั้นคือสู้จนกระทั่งไม่รู้สึกในด้านเวทนา แต่ว่าถ้าใครไปเรียกรู้นะ ถ้าใครเรียกบางทีนอนเฉย ๆ ไอ้พวกนึกว่าจะตายซะแล้ว อ้าว ! ดันไปเรียก พอเรียกเราก็รู้สึกเจ็บล่ะซิ มันก็รู้สึกเจ็บ ถ้าไม่เรียกมันไม่รู้สึก ถ้าเรียกปั๊บจากฌานมันก็ถอย เมื่อฌานถอยจิตมันก็จับกับประสาท ไอ้ความเจ็บปวดนี่มันเรื่องของประสาท พอจิตมันเข้าโยงกับประสาทมันก็รู้สึก ถ้าจิตไม่เข้าโยงกับประสาทมันก็ไม่รู้สึกเจ็บ เออ..ทุกองค์นะ เดินยามอยู่เวรนี่หัด ! อย่าไปอยู่กับมันเฉย ๆ จงกรมหากินเรื่อย ๆ ไป ฮึ ! เจ้ากรม เจ้ากรม อย่าไปเข้าสมาบัติเป็นลมนะ (หัวเราะ) ไอ้นี่ฉันทำไม่ได้ คุณเก่งกว่าฉัน (หัวเราะ) คุณประดิษฐ์ ว่าง ๆ ก็ฝึกกับ เจ้ากรม นะไอ้นี่ฉันสู้ท่านไม่ได้ การฝึกเข้า นิโรธสมาบัติ และก็โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อรูปฌาน อรูปฌาน นี่เรามีวิธีทำง่าย ๆ วิธีทำง่าย ๆ ก็คือ ถ้าเราดูรูปพระพุทธรูป เราจับกสิณให้มันเข้ามาอยู่ในนี้ ทำได้ไหม บังคับให้ภาพกสิณมาอยู่ในอก ทำให้อกมันเป็นโพรงขึ้นมาข้างใน เห็นเป็นโพรงภาพกสิณอยู่ข้างใน นี่ก็พยายาม ไม่ช้าค่อย ๆ พยายาม ทุกองค์นี่ทำได้ พยายามบังคับมันก็ต้องฝืนกันหน่อย ทีนี้การปฏิบัติพระกรรมฐานนี่ พระพุทธเจ้าท่านใช้ศัพท์ว่า "ทรมาน" ใช่ไหม คือว่า ทรมานอารมณ์เดิมให้มาจับจุดอีกอารมณ์หนึ่ง ทีนี้มันก็ต้องมีอารมณ์ฝืน ฝืนก็ต้องสู้ ถ้าเราสู้เพื่ออะไร เราสู้เพื่อดี ไอ้ดีของเรามันตรงไหน มันต้องดีคือ "เข้าถึงนิพพาน" จากหนังสือ ธัมมวิโมกข์ เล่มที่ ๓๑๒ หน้าที่ ๑๐ โดย...หลวงพ่อพระราชพรหมยาน คัดลอกโดย ด.ญ. ปุณยนุช ขจรนิธิพร