เรื่องเด่น เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๘

ในห้อง 'หลวงพ่อเล็ก วัดท่าขนุน' ตั้งกระทู้โดย iamfu, 29 มิถุนายน 2025 at 17:17.

สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้
  1. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,788
    ค่าพลัง:
    +26,654
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน วันอาทิตย์ที่ ๒๙ มิถุนายน ๒๕๖๘


     

    ไฟล์ที่แนบมา:

  2. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,788
    ค่าพลัง:
    +26,654
    วันนี้ตรงกับวันอาทิตย์ที่ ๒๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ ตื่นเช้าขึ้นมากระผม/อาตมภาพก็อยากจะได้หมอนวด เหตุเพราะว่านั่งยาว ๆ มาหลายวัน ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถยนต์ หรือว่านั่งเครื่องบิน ด้วยความที่เป็นคนนั่งตัวตรง และเกรงใจ ไม่ปรับเบาะเอนไปรบกวนคนอื่น ก็เลยออกอาการเมื่อยขบตามประสาคนแก่ ซึ่งอยู่ในวัย "จะลุกก็โอย จะนั่งก็โอย"..!

    แต่ก็ไม่สามารถที่จะอู้งานได้ เนื่องเพราะว่าวันนี้ทางวัดอุทยาน โดยพระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ., ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ขอให้ช่วยทำพิธีบวงสรวงขออนุญาตสร้างพระชำระหนี้สงฆ์ และอาคารต้อนรับ ตลอดจนกระทั่งปลุกเสกวัตถุมงคล ซึ่งก็คือเหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ แต่ไม่ใช่เหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ ของหลวงปู่ทิม วัดช้างให้ ที่ราคาเหรียญหนึ่งไปหลายล้านบาทแล้ว..! หากแต่เป็นเหรียญหลวงปู่ทวด รุ่นเลื่อนสมณศักดิ์ พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ.ดร. ซึ่ง
    ถ้าหากว่าจำไม่ผิด ปีนี้ได้รับเลื่อนเป็นพระครูเจ้าอาวาสชั้นเอก

    กระผม/อาตมภาพเองไม่ได้สร้างวัตถุมงคล หากแต่ว่าใช้วัตถุมงคลที่ดีที่สุดที่มีอยู่ ก็คือพระขุนแผนเคลือบ รุ่นบรรจุผง ๒๒ พระสุปฏิปันโน ซึ่ง "พี่ณพ" (พันตำรวจเอกอรรณพ กอวัฒนา) เมตตาสร้างถวายมาเป็นหมื่นองค์..! นำมาสร้างกล่องฉลองสมณศักดิ์แล้วบรรจุ ซึ่งจะมีการฉลองสมณศักดิ์ของกระผม/อาตมภาพในวันเสาร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม พุทธศักราช ๒๕๖๘

    สำหรับวันพรุ่งนี้ วันจันทร์ที่ ๓๐ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘ จะได้เข้ารับพระราชทานสัญญาบัตรพัดยศและผ้าไตร ที่หอประชุมใหญ่พุทธมณฑล แล้วแห่ไปตั้งไว้ที่วัดเขื่อนวชิราลงกรณ เนื่องเพราะคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิมีธรรมเนียมว่า ถ้าหากว่าพระสังฆาธิการในเขตปกครองคณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิ ได้รับพระราชทานตั้งสมณศักดิ์ หรือว่าได้รับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ ทางอำเภอจะจัดงานฉลองร่วมกันให้ หลังจากนั้นใครจะมีงานฉลองพิเศษอีกต่างหากก็ไปจัดกันเอง พูดง่าย ๆ ว่าเรื่องของความสามัคคีต้องได้มาก่อนแล้ว
     
  3. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,788
    ค่าพลัง:
    +26,654
    ปีนี้คณะสงฆ์อำเภอทองผาภูมิมีกระผม/อาตมภาพเลื่อนขึ้นเป็นพระครูเทียบเจ้าคณะอำเภอชั้นพิเศษ ฝ่ายวิปัสสนาธุระ

    พระครูปิยสีลสังวรการ หรือหลวงพ่อสังวรณ์ วัดวังหิน เจ้าคณะตำบลลิ่นถิ่นเขต ๒ เลื่อนขึ้นเป็นพระครูสัญญาบัตรเจ้าคณะตำบลชั้นเอก

    ส่วนท่านพระครูประภัสสรกาญจนคุณ เจ้าอาวาสวัดสะพานลาวประชาสรรค์ ได้รับพระราชทานตั้งเป็นเจ้าอาวาสชั้นโท พร้อมกับพระครูวิสุทธิ์กาญจนธรรม เจ้าอาวาสวัดปากลำปิล็อก จึงต้องไปฉลองร่วมกันทั้ง ๔ รูป

    ส่วนกระผม/อาตมภาพนั้นรับฎีกานิมนต์จนรับไม่ไหว ให้ไปงานฉลองสมณศักดิ์ของแต่ละท่าน เนื่องจากว่ามีคนรู้จักมาก เหตุที่บอกว่าไปไม่ไหว เพราะส่วนใหญ่แล้วจะฉลองเย็นวันที่ ๓๐ มิถุนายน ๒๕๖๘ นี้เลย..! ซึ่งกระผม/อาตมภาพก็ยังสงสัยว่า "จะรีบร้อนไปไหนวะ ? พอถึงเวลารับปุ๊บฉลองปั๊บ แล้วเพื่อนฝูงจะแบ่งภาคไปมุทิตาได้อย่างไร ?" แต่เห็นส่วนใหญ่เขาก็ทำกันแบบนั้น

    ส่วนกระผม/อาตมภาพนั้น แม้ว่าจะไม่นิยมงานฉลองใด ๆ ทั้งสิ้น เนื่องเพราะว่าปีนี้ก็รับมาหลายอย่างแล้ว ไม่ว่าจะเป็นรางวัลพระเกี้ยวธรรมจักรก็ดี ตำแหน่งที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรีก็ดี ตำแหน่งที่ปรึกษาผู้อำนวยการวิทยาลัยสงฆ์กาญจนบุรี ศรีไพบูลย์ก็ดี ประธานบริหารงานศึกษาสงเคราะห์ คณะสงฆ์จังหวัดกาญจนบุรีก็ตาม ซึ่งกระผม/อาตมภาพนั้นไม่ใช่ว่าไม่อยากจะฉลอง หากแต่ว่าแต่ละปี ถ้าหากว่าถึงเวลาที่ต้องรับสิ่งหนึ่งประการใด จะไม่เคยรับอย่างเดียว ขืนจัดฉลองบ่อย ๆ มีหวังตายแน่..!
     
  4. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,788
    ค่าพลัง:
    +26,654
    ปีนี้งานฉลองรับพระราชทานเลื่อนสมณศักดิ์ถือว่าเป็นงานที่ใหญ่ที่สุด จึงได้จัดฉลอง ลำดับถัดไปน่าจะเป็นตำแหน่งทางวิชาการ ซึ่งปกติเขาก็จะขอตำแหน่งผู้ช่วยศาสตราจารย์ (ผศ.) บ้าง รองศาสตราจารย์ (รศ.) หรือว่าศาสตราจารย์ (ศ.) บ้าง ตามผลงานที่ตนเองมีอยู่

    พรรคพวกเพื่อนฝูงรุ่นเดียวกันก็ดี รุ่นน้องก็ดี เป็นผู้ช่วยศาสตราจารย์กันไปหมดแล้ว กระผม/อาตมภาพเองก็ยังงอมืองอเท้าอยู่เหมือนเดิม ก็คือ
    ไม่ยอมขอเอง ถือว่าถ้าหากว่าเขาให้ก็จะรับไว้ แต่ให้ดิ้นรนไปขอจะไม่เอา ก็เลยมีผู้สงสารและเห็นใจ ตลอดจนกระทั่งหมั่นไส้อยู่ด้วย..!

    เนื่องเพราะว่าการขอตำแหน่งทางวิชาการ ตั้งแต่ผู้ช่วยศาสตราจารย์ขึ้นไปนั้น

    ๑) ต้องมีงานวิจัย

    ๒) ต้องมีเอกสารประกอบการสอน

    ๓) ต้องมีหนังสือวิชาการที่เราสอน หรือว่าอยู่ในหมวดที่เราสอน

    จะว่าไปแล้ว คนอื่นเขาลำบากที่สุดก็ตรงหนังสือ แต่ท่านทั้งหลายก็เห็นอยู่ว่ากระผม/อาตมภาพเองนั้น ออกหนังสือไปแล้ว ๒๐ กว่าเล่ม แล้วก็ทำตัวให้คนอื่นเขาหมั่นไส้ ก็คือมีพร้อมทุกอย่างแต่กูไม่ขอ..!

    ในเมื่อเป็นเช่นนั้น พระครูวิโรจน์กาญจนเขต, ผศ., ดร. เจ้าอาวาสวัดอุทยาน ซึ่งท่านถือว่าท่านเป็นลูกศิษย์ เพราะว่ากระผม/อาตมภาพบวชให้กับท่าน ในเมื่อตนเองได้ตำแหน่งทางวิชาการไปแล้ว จึงพยายามช่วยผลักดันให้อาจารย์ได้ตำแหน่งด้วย

    กระผม/อาตมภาพเห็นว่าถ้าคนอื่นยอมเหนื่อยแทนก็เรื่องของเขา เนื่องจากว่างานทุกอย่างมีพร้อม แต่เป็นคนขี้เกียจทำเอกสารอย่างหนึ่ง เป็นคนที่ไม่ชอบขออะไรอย่างหนึ่ง ก็เลยให้เขาทำกันไปให้พอ เราเองมีหน้าที่รอรับ ก็แปลว่าหลังจากฉลองสมณศักดิ์แล้วไม่นาน ก็อาจจะมีตำแหน่งทางวิชาการเพิ่มขึ้นมาอีก..!
     
  5. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,788
    ค่าพลัง:
    +26,654
    ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ขอให้ทุกท่านสังเกตว่า กระผม/อาตมภาพนั้น ถ้าหากว่าต้องรับอะไรไม่เคยรับครั้งเดียว ไม่เคยรับอย่างเดียว เหตุที่เป็นเช่นนั้นก็เนื่องจากบุญเก่าที่ตนเองทำมา ก็คือถ้าทำก็ทำแล้วทำอีก ทำไม่แล้วไม่เลิก ก็เลยทำให้ถึงเวลาผลบุญสนอง ก็จะออกมาในแนวนี้

    ท่านทั้งหลายอย่าเพิ่งว่า "ผมไม่ได้ทำแบบหลวงพ่อนี่ครับ" "ดิฉันไม่ได้ทำมาอย่างหลวงพ่อนี่คะ" ถ้าคิดแบบนั้นก็เสียเวลาคิดเปล่า ๆ เนื่องเพราะว่าสิ่งที่เรารับผลในปัจจุบันนี้ ก็คือสิ่งที่เราทำมาในอดีต แต่ทันทีที่เราทำอะไรลงไปในวินาทีนี้ วินาทีหน้าตรงนี้ก็จะเป็นอดีตไปแล้ว

    ดังนั้น..ถ้าหากว่าท่านทั้งหลายทำความดี ในทาน ในศีล ในภาวนา อย่างสม่ำเสมอตอนนี้ เมื่อเวลาล่วงไปเป็นเดือนเป็นปี สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ก็เป็นอดีต ถ้าหากว่าท่านทำอย่างสม่ำเสมอและพอเพียง เมื่อถึงเวลา สิ่งทั้งหลายเหล่านี้ย่อมส่งผลให้กับท่านเอง ถ้าทำเอาไว้มากและสม่ำเสมอ กำลังบุญก็อาจจะส่งผลให้ทันตาในชาตินี้ ถ้าหากว่าชาตินี้ไม่ทัน อย่างน้อยชาติต่อ ๆ ไปเราก็ได้รับอย่างแน่นอน


    ในเรื่องของความดี ไม่ว่าจะเป็นทาน เป็นศีล เป็นภาวนา จึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง เพราะว่าส่งผลในด้านดีให้กับเราเสมอ

    เรื่องของทานนั้น ไม่ว่าเกิดชาติไหนก็ตาม เราก็จะสมบูรณ์บริบูรณ์ด้วยเครื่องอุปโภคบริโภค

    ในเรื่องของศีลนั้น เราก็จะเป็นผู้มีรูปสวย มีจิตใจดีงาม มีแต่คนรักใคร่

    ในเรื่องของปัญญานั้น จะช่วยให้เรามีปัญญามาก มีเรื่องทางโลกขึ้นมา เราก็แก้ไขให้ลุล่วงไปได้โดยง่าย ถ้าหากว่าจะพิจารณาธรรมก็จะเห็นแจ้งและถ่องแท้ สามารถที่จะเข้าถึงข้อธรรมนั้น ๆ ได้อย่างที่ตนเองต้องการ
     
  6. iamfu

    iamfu ผู้ดูแลเว็บบอร์ด ทีมงาน ผู้ดูแลเว็บบอร์ด

    วันที่สมัครสมาชิก:
    25 กันยายน 2008
    โพสต์:
    22,396
    กระทู้เรื่องเด่น:
    2,788
    ค่าพลัง:
    +26,654
    ดังนั้น..ในเรื่องของการทำความดี ก็มีอยู่เพียงอย่างเดียวว่าอย่า "ติดดี" ก็คืออย่าไปคิดว่าเราดีกว่าคนอื่น เราเสมอคนอื่น หรือเราด้อยกว่าคนอื่น เนื่องเพราะว่าถ้าทำดีแล้วยังติดดีอยู่ โอกาสที่จะหลุดพ้นก็ยาก หากแต่ตั้งหน้าตั้งตาทำดีไปเรื่อย ๆ ถ้าหากว่าความดีเต็มอยู่ในใจเมื่อไร ก็ย่อมจะไหลล้นท่วมท้น พาเราหลุดพ้นจากห้วงวัฏสงสารนี้ไปได้เอง

    จึงเป็นเรื่องที่เราท่านทั้งหลายไม่ควรที่จะประมาท ต้องทรงความดีเอาไว้เสมอ โดยเฉพาะในระยะที่สภาพของบ้านเมืองเราก็ดี สภาพของสังคมโลกก็ตาม ตกอยู่ในความวุ่นวายเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของสงคราม เรื่องของเศรษฐกิจ ตลอดจนกระทั่งเรื่องของกำลังใจคนหมู่มากที่เสียไป แล้วก็ส่งความวุ่นวายมาถึงพวกเรา เราจึงควรที่จะมีการภาวนาให้สม่ำเสมอ เพื่อรักษากำลังใจของเราให้มั่นคง แต่ถ้าหากว่าได้อย่างเดียวก็ถือว่าใช้ปัญญาน้อย

    ดังนั้น..กระผม/อาตมภาพจึงแนะนำให้ภาวนาพระคาถาเงินล้าน ซึ่งมีผลพิเศษก็คือช่วยให้เกิดความคล่องตัวในการดำรงชีวิต ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ทุกท่านต้องการกำลังใจที่มั่นคง มีสติที่จะยืนหยัดอยู่ในสังคมที่ส่งส่ายวุ่นวายเดือดร้อนไปหมดนี้ได้ ท่านก็ต้องภาวนา ในเมื่อภาวนาแล้วก็ขอให้มีผลพิเศษอื่น ๆ ไปด้วย ในขณะที่คนอื่นเขาเอาตัวไม่รอด แล้วเราสามารถที่จะรอดไปได้ เพราะว่าเรามีครูบาอาจารย์ดี มีพระคาถาดี มีการภาวนาที่สม่ำเสมอ ก็ต้องบอกว่าเราเป็นผู้ที่ประกอบไปด้วยบุญ

    เมื่อเป็นเช่นนั้น จงอย่าทำให้บุญของเราเสียเปล่า รีบสร้างให้เกิดดอกออกผลขึ้นมา อย่างน้อยขณะที่ดำรงชีวิตอยู่ ไม่ว่าชาตินี้หรือชาติหน้า เราก็จะได้มีความสะดวกคล่องตัว ถึงเวลาจะก่อกองบุญการกุศลใด ๆ ก็สามารถทำได้อย่างใจทุกประการ ถ้าสามารถทำจนกระทั่งเต็มใจและหลากล้นไปเมื่อไร เราก็สามารถที่จะหลุดพ้นจากกองทุกข์เข้าสู่พระนิพพานได้

    สำหรับวันนี้ก็ขอเรียนถวายพระภิกษุสามเณรของเรา และบอกกล่าวแก่ญาติโยมแต่เพียงเท่านี้

    พระครูวิลาศกาญจนธรรม, ดร.
    เสียงธรรมจากวัดท่าขนุน
    วันอาทิตย์ที่ ๒๙ มิถุนายน พุทธศักราช ๒๕๖๘
    (ถอดจากเสียงเป็นอักษร โดย เผือกน้อย)
     
สถานะของกระทู้:
กระทู้ถูกปิด ไม่สามารถโพสต์ตอบกลับได้

แชร์หน้านี้

Loading...